Image Image Image Image Image Image Image Image Image Image

Mayahol.com | April 24, 2024

Scroll to top

Top

No Comments

ดรอปเรียนหรือเรียนต่อดี….

ดรอปเรียนหรือเรียนต่อดี….
mayahol
  • On มีนาคม 26, 2015
  • http://www.mayahol.com
ดรอป

ดรอปเรียนหรือเรียนต่อดี

ผมมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทคนิคการเรียนชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า  ” การดรอปเรียน ”  กับ การเรียนต่อ หลายคนอาจสงสัยว่าดรอปคืออะไร เรียนต่อคืออะไร  ประเด็นนี้ ในเส้นทางของการเตรียมสอบนายร้อย หรือ สอบเข้ามหาลัย

หรือแม้แต่ จบมาทำงานแล้วต้องการที่จะสอบเข้าอะไรซักอย่าง…ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ  ผู้พิพากษา อัยการ
สอบโทเฟล  เรียนต่อนอก  เอาเทคนิคนี้ไปใช้ได้ครับ…แต่เราจะพูดถึงการดรอปเพื่อสอบเข้าโรงเรียเตรียมทหารเป็หลัก

มีคนถามว่า…อยากมีเวลาสำหรับอ่านหนังสือ จะดรอปดีมั้ย…

แนะนำดังนี้คับ…
เลือกที่จะดรอปเรียนหรือเรียนต่อดีอธิบาย…ดังนี้นะคับ

ดรอปเรียน
หมายถึง การเลือกที่จะหยุดเรียนที่โรงเรียนเป็นเวลา 1 ปี เพื่อซื้อเวลาในช่วงกลางวันประมาณ 8 – 10 ชม.
ซึ่งต้องเรียนที่โรงเรียน ต้องเสียเวลากับเนื้อหาวิชาที่ไม่จำเป็นในการสอบ  รวมถึงเสียเวลากับกิจกรรม
โรงเรียน ทั้งโครงงาน  รายงาน  เพื่อน  แฟน….รวมถึงปัจจัยแวดล้อมหลายๆ อย่าง
ที่จะมาบั่นทอนการอ่านหนังสือ

การดรอปเรียนเพื่อเตรียมสอบเข้าเตรียมทหาร…มันมีมานานแล้ว …ตั้งแต่สมัยแอดมินสอบ
แต่ส่วนมากเค้ามักจะมอง เรื่องการดรอปเรียน ไปใน แง่ลบ ว่าไอ้นี้ดรอปเพราะอะไร
ทำไมถึงดรอป  เกเรหรือป่าว หรือ มีปัญหาหรือป่าว
อันนี้คือสิ่ง ที่โรงเรียนทั่วไปมอง หรือคนทั่วไปมอง  ว่าเป็น เด็กไม่ดี

แต่ใครจะไปรู้ว่า การดรอป นี้แหละ เป็นเทคนิคการเรียนที่สุดยอดที่สุด
ที่ผมได้พบมากับตัวเองมันมีโรงเรียนกวดวิชา อยู่ที่หนึ่งครับที่เค้า
ใช่การดรอปเรียนเข้ามาเป็นเทคนิค ในการสอน  สถาบันนั้น มีชื่อว่า
“ หอครูวรรณ ”  หรือ หอครูวัน    นครสวรรค์

สิ่งที่ทุกท่านจะอ่านต่อไปนี้ ไม่เคยมีใครเขียนมาก่อน ฉะนั้น
กรุณา ตั้งใจอ่านและทำความเข้าใจกับมัน…ด้วยนะคับ

การดรอปเรียน   คือการหยุดเรียนที่โรงเรียนภาคปกติมัธยมทั่วไป…หยุดเพื่อมาเตรียมตัวสอบ
ถามว่าทำไมไปโรงเรียนมันเตรียมตัวสอบไม่ได้เหรอ…ผมก็จะบอกว่ามันก็ได้ครับ

แต่มันจะวุ่นวาย…นิดหนึ่ง เพราะว่าเราจะไม่ค่อยมีเวลาในการอ่านหนังสือเท่า ไร
เพราะต้องเจอกับ…การบ้าน เพื่อน  กิจกรรมมากมาย  แฟน  สังคม เวลาเรียน  ชัวโมงไร้สาระ
เข้ามากระทบเราครับ….อีกทั้ง กะว่า กลับมาบ้านแล้วจะมาอ่านหนังสือที่บ้านให้ หนำใจซะหน่อย
กลับต้องเอางานที่โรงเรียน…มาทำที่บ้านด้วยนี้เหละครับ
มันเลยไม่มีเวลาเพื่อที่ จะเตรียมสอบกัน…

การดรอปเรียนเป็นการ ซื้อเวลา…จากโลกปัจจุบัน
เข้าไปสู่โลกของการเตรียมสอบมันเทคนิคที่ดีครับ…แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้สอบติดได้เสมอไป
มันแค่ซื้อเวลา จากที่เรา อ่านหนังสือได้มากสุดวันละ 4-5 ชม.จากที่ รร.และกลับมาอ่านที่บ้าน

แต่ถ้าเราดรอปเรียนเราจะได้…เวลาเพิ่มขึ้น เป็น 10-13 ชม. ต่อวันเลยทีเดียว
เท่าตัวนะครับและที่สำคัญคือ…เราไม่ต้องเจอปัจจัยแวดล้อมต่างๆ…ไม่ว่าจะเพื่อน  แฟน  โทรศัพ  กีฬาสี  
โครตกิจกรรม  โครงงาน  เนื้อหาใหม่ ๆ ประดังเข้ามาแบบ ไม่ลืมหูลืมตา

จนไม่มีเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบ …
.(จำไว้นิดนึงนะคับ  สอบติดไม่ติด อยู่ที่การเตรียมตัว เท่านั้นเอง)

สาเหตุที่หลาย คนไม่อยากดรอปเรียนในช่วงมัธยม เพื่อสอบเข้าเตรียมทหาร
1.กลัวเสียเวลาเรียนไป 1 ปี  มองอีกทีก็คล้ายๆ ซ้ำชั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่นาอายมากสำหรับมัธยม
2.กลัวอายเพื่อนว่าเพื่อนขึ้นอีกชั้น แล้วเราต้องมาเรียนกับรุ่นน้อง
3.กลัวรุ่นน้องล้อเลียน และ พ่อแม่กลัวว่าเรา ต้องมาเรียนช้าไป 1 ปี  กลัว ไม่ทันเพื่อน
4.คิดว่าวิชาที่สูงขึ้นจะช่วยทำข้อสอบให้ดีขึ้น

แต่พ่อแม่ กลับลืมมองอนาคต ว่า…ในอนาคตลูก  กูจะเรียนอะไร  แล้วจะเป็นอะไร
กลายเป็นว่ามีเป้าหมายที่ไม่แน่นอน
ไม่ชัดมั่วๆ …ขอให้ลูกเรียนเก่ง เข้าไว้ พอ ซึ่งในชีวิตความเป็นจริงแล้ว

จบมาทำงาน เค้าไม่ได้มองว่าเราอายุเท่าไร
เราจบโรงเรียนอะไรมา หรือดรอปเรียหรือป่าว

ซึ่งเรา ไม่จำเป็นต้องอายใคร   …แต่สิ่งที่เค้าจะถามเราคือ
คุณทำงานอะไร   รายได้เท่าไร  ยศอะไร  ตำแหน่งอะไร …มีหน้ามีตาในสังคมหรือไม่ ..

เค้าจะไม่ถามคุณหรอกว่า  ….น้องเคยดรอปเรียนมาหรือป่าว
ก่อนที่จะมาสอบหรือ ม.ต้น คุณได้เกรดเท่าไร…เค้าจะไม่ถามเด็ดขาดมันเป็นอย่างนี้จริงๆ ครับ

ถ้าพูดถึงการดรอปเรียนมันเป็นเรื่องเสียหาย สำหรับม.ต้น

ผมอยากให้อ่านตรงนี้   ชัด… ๆ  ซักนิดหนึ่งครับ
แล้วไอพวกที่สอบมหาลัย ไม่ติด เอ็นทรานไม่ได้หรือ เอ็นเข้าคณะที่ไม่ชอบ  
แล้ว  …รอซิ่ว( รอซ้ำชั้น)

มาเรียนใหม่อีกปี.. ปรากฏว่าพ่อแม่ไม่ว่า ครับ …ลูกขอไปเรียนคณะอื่น  รอซิ่ว…

ผมอยากถามว่า มันต่างกับการดรอปตรงไหน

ไม่. . . ไม่ต่างกันใช่มั้ยครับ

แต่ผมว่าต่าง มันต่างกันตรงที่ถ้าดรอปแล้ว…สอบติดเตรียมทหารเลย…
นั้นหมายถึง ……อนาคต..ต่อแต่นี้ไปจน  ตายเกิดขึ้นแล้ว…
ต่อแต่นี้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวเรียนมัธยมอีกแล้วไม่ต้องมานั่ง หางาน ไม่ต้องมานั่งเซ็ง
เพราะพ่อแม่ยังเป็นห่วงเราอยู่….

หรือว่าน้องชอบเรียน ม.ปลาย  คับ …..
พี่คนแหละที่ไม่ชอบ….มันปวดหัวมากๆ งานเข้ามายังกะพายุ

คิดแล้วจะอวก…

มูลเหตุที่สมควรดรอปเรียนมีดังต่อไปนี้นะครับ

1.ชีวิตของเรามีเวลาสอบ เข้าเตรียมทหารได้ ไม่เกิน 2-3 ครั้ง และอายุจะต้องไม่เกิน 17 ปี  ซึ่งแค่อดทนอึดใจเดียวมันแลกกับทุกสิ่งทุกอย่าง  . . . การสอบสายอื่นมันยากกว่าเตรียมทหารเยอะ  จงเลือกเอา อยากจะเครียดแค่ปีเดียวแล้วต่อแต่นี้ไป  สุขใจตลอดชีวิต หรือจะเครียดอีก 3 ปี รอเอ็นทร้านแล้วไปวัดโชคชะตา ว่าจะเรียนอะไร จบมาแล้วก็มาวัดกันอีกว่าจะทำงานอะไรดี ในอนาคต

2.มันมีคำ 4 คำครับ ที่ไม่สามารถย้อนกลับมาได้ คือ  คำพูด   เวลา   โอกาส   และ ชีวิต3.หลายๆ คนชอบผิดหวังก่อนแล้ว ค่อยคิดได้ ว่าทำไมไม่ขยันเรียนตั้งแต่แรก  ตอนนี้ผมผิดหวังแล้วและมาบอก  ท่านผู้อ่านแล้ว  เราต้องเลือกชีวิต  คุณซะว่า อยากทำอะไรต่อไปดี

4.ถ้าเป็นปีสุดท้ายและชีวิตนี้ คงสอบไม่ได้อีกแล้ว  อยากเป็นมากถึงขั้นที่ว่า เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ อยากเป็นมากๆ แทบขาดใจ พี่แนะนำว่าสมควรจะดรอปเรียน

5.ถ้าเราเรียน ต่อ เราจะต้องเจอกับเนื้อหาที่สูงขึ้นและในโรงเรียน จะต้องเสียเวลาไปกับกิจกรรม  การส่งงาน  วิชาที่โรงเรียน เพื่อน  การบ้าน ที่อาจารย์มอบหมาย  ใจก็แบ่งให้กับโรงเรียนครึ่งหนึ่งแล้ว ใหนจะสอบโอเน็ต  เอเน็ต แอดมิสชั่น  ทำให้เวลาเรียนไม่พอใจก็มุ่งไปที่โรงเรียนหมด

6.กล้าที่จะถอยมาอีกก้าว เพื่อจะก้าวไปในเส้นทางข้างหน้าที่ถูกต้อง ย่อมไม่สาย เหมือนการดรอปเรียน ถ้ามองในช่วงมัธยม เป็นช่วงที่กำลังก้าวเดินตามสเต็ปของมัน  แต่เมื่อมองไประดับ มหาลัยหลายคนซิว มาเรียนใหม่บ้างหรือดรอปเรียนบ้าง…..แล้วทำไมไม่ตั้งใจ เรียนตั้งแต่ ม.ต้นให้ดี

สาเหตุที่คนที่ดรอปเรียนแล้ว ….สอบไม่ติด…มีจำนวนมากครับ

1.เรียนผิดวิธี…เค้าให้ดรอปมาเพื่อ  ซื้อเวลามาอ่านหนังสือให้มากขึ้น แต่อ่านกันผิดวิธี

2.เวลามากเกินไป  จน. . .  ขี้เกียจ  ..เดิมเคยตื่น 6 โมงไปโรงเรียน  พอดรอป  ตื่น 11 โมง ..เพราะขี้เกียจ

3.เค้าให้ดรอปมาเพื่อซื้อเวลา ในการอ่านหนังสือให้มากขึ้น …แต่เสือกมานอน…คิดว่าเวลามันเยอะ  ชะล่าใจ..จะอ่านหนังสือดันขี้เกียจ  นอนดีกว่า เหลือเวลาเยอะมากมาย …พอทำเข้าบ่อยๆ  กลายเป็นนิสัย  เพราะว่าไม่ต้องไปโรงเรียน  รู้สึกสบายจนเคยตัว
4.มันดีแต่ปาก ..ขยันไม่จริง..ไม่อดทน…ไม่ทำตามแผน  ไม่ทำตามเป้าหมาย
5.พ่อแม่สปอย ….ถ้าคิดจะดรอปเรียนต้องมีวินัย อย่างเข้มข้น….กำหนดเวลาว่าตื่นก็ต้องตื่นไม่ใช่นอนต่อ
6.มีปัจจัยรบกวนมากไป…ดรอปแล้วมาดูทีวี  คุยโทรศัพ เล่นคอม  เล่นเกมส์…ใช้เวลาไร้สาระทั้งที่ตัวเองยังไม่เก่ง ถึงระดับสุดยอด….แล้วดันไปทำพวกนั้น
7.ดรอปแล้ว อ่านหนังสือมั่ว  อ่านผิดวิธีอ่านเดิมๆ  ไปไม่เป็น  ไม่มีทางเก่งขึ้นแน่นอน
8.ไม่เสมอต้นเสมอปลาย  ดรอปแล้วดีแค่ช่วงแรกๆ  แล้วไม่ตั้งใจต่อตลอดปี
9.คบเพื่อน เลว ….พอดรอปเวลาเยอะ  เพื่อนชวนไปเที่ยว ไปเล่น ไปทำโน่นนี้  เพราะเวลามากมายมูลเหตุมีมากมายครับสำหรับคนที่ดรอปเรียนแล้วไม่ติด

แต่ที่ผมเคยเจอมาคือถ้า  มันดรอปแล้วมันยึดได้ 3 ข้อคือ

1. ตั้งใจ  2. อดทน  3.ขยัน  4.และไม่ดีแต่ปาก  ผมเห็นมันติดทุกคน..


เรียนต่อ

เรียนต่อในที่นี้คือเรียนต่อ ที่โรงเรียนในระดับสูงขึ้นครับ  ไม่ว่า จะเป็น ปวช หรือ ม. 4จะพูดถึงการเรียนต่อ…

– เนื้อหา ม.ปลาย  ยากกว่า ม.ต้น 10 เท่า- รายงานโครงงาน  งานกลุ่มกิจกรรม ต่างๆ  เยอะกว่า ม.ต้น 10 เท่า- วิชาที่เรียน  เป็นวิชาหินๆ  อาทิ  คณิต ยากกว่า ม.ต้น  / ฟิสิก   เคมี  แค่นี้ก็อวกแล้วเอาเฉพาะเวลาที่ไปทุ่มเท ทำรายงานส่งก็หมดไปวันๆ แล้วครับแล้วจะเอาเวลาที่ใหนไปอ่านหนังสือ

แต่การเรียนต่อที่โรงเรียนก็ไม่เสียเปรียบ พวกดรอปมากเท่าไรนะคับ

ภายใต้กฎเกณของการ
วางแผนคือพวกเรียนที่โรงเรียนเนี่ย  จะได้เปรียบพวกดรอปคือ  ไม่เสียเวลาเรียน  ได้เนื้อหาฟิสิกและคำนวณ สูงขึ้น แต่มันจะยุ่งตรงพวกกิจกรรมที่โรงเรียนนี้เหละคับ  เราจะเสียเวลากับพวกนี้มากถ้าเราไม่วางแผนให้ดีว่า . . .  เราต้องทำอะไรบ้างใน 1 วันงานเข้ามาเยอะมาก  อาจารย์สั่งเกือบทุกวิชา

ฉะนั้น  คิดจะเรียนต่อ  โดยเฉพาะสายวิทย์ต้องวางแผนไว้เลยอีกหนึ่งสิ่งทีสำคัญคือ  ความขยันคิดจะเรียนต่อต้องขยันมากๆ นะครับ

เพราะว่าเราไปเรียนที่โรงเรียน เราจะต้องเจอปัจจัย รับกวนแทบทุกอย่างที่เราไม่ต้องการ  ตั้งแต่ เพื่อน ชวนเล่น  โดนนินทา เรื่องขยันเกินหน้าเกินตา  กิจกรรม โครงงาน รายงาน ใหนจะต้องเตรียมสอบอีก …..มันเลยมีคนบางพวกที่  ไม่สามารถดรอปเรียนได้  วางแผนขึ้นมา  คือ ….ใช้เทคนิค…ทิ้งที่โรงเรียนครับ

ไอ้พวกนี้ คือจะสนใจแค่ วิชาหลักเท่านั้น ถ้าไม่ใช่วิชาหลักกูไม่สนใจ  และจะเอาเฉพาะเตรียมสอบเตรียมทหารเท่านั้น  เรื่องอื่นกุไม่สนใจ  เวลาว่างหรือไม่ว่างหรือวิชาอื่น

ไอ้พวกนี้ มันจะเอาโจทย์ ขึ้นมาทำตลอดเวลา โดยไม่แคร์ใคร ไม่แคร์สายตา  ของใครก็แล้วแต่

และไอพวกนี้แหละครับ  คะแนนเก็บมันจะน้อยมาก  แต่ว่าเวลาสอบมันจะเกือบเต็มในวิชาหลัก
และสุดท้ายไอ้พวกนี้แหละครับ ..มัน…ลาออกจากโรงเรียน  นั้นในช่วงปิดเทอมปลายปี

เพราะ….มันติด 4 เหล่า …..
คราวนี้เหละเราต้องเลือกแล้วเหละครับ ว่า …

อยากจะดรอปเรียนเพื่อซื้อเวลา….หรือเรียนต่อดีกว่า   แต่ว่าทิ้งที่โรงเรียน…

เพื่อ….ล่าฝันของตัวเอง